วงไดอะล็อคหรือสุนทรียสนทนา ซึ่งเกิดจากการรวมตัวกันของคนแปลกหน้า นัดหมายกันผ่านเพจในเฟสบุ๊ค ของ Dialogue Oasis ได้จัดอย่างต่อเนื่องเดือนละ 2 ครั้ง มาจนถึงปัจจุบัน ไม่น่าเชื่อว่าผ่านมาได้ครึ่งปีแล้วทีเดียว
เรามีสมาชิกมาเรียนรู้ร่วมกันเป็นขาประจำราวสิบคน และมีอีกเป็นสิบคนที่แวะเวียนเปลี่ยนหน้ากันมา ในทุกๆครั้ง ก็มักจะมีเพื่อนใหม่เข้ามาด้วยเสมอ ซึ่งก็จะมีเรื่องใหม่ๆที่น่าสนใจเข้ามา ให้เราได้เรียนรู้มากขึ้น
ในวันนี้ก็เช่นกัน มีพี่ผู้หญิงท่านหนึ่ง เป็นระดับผู้บริหารของบริษัท ดูท่าทางเป็นคนมุ่งมั่น จริงจัง และมีความมั่นใจในตัวเองสูง ได้เปรยคำถามขึ้นมาตอนหนึ่งว่า ตัวเองเป็นคนตรงไปตรงมา เห็นอะไรผิดก็ว่าตามผิด จะทนอยู่เฉยๆไม่ได้ ต้องบอกว่าอะไรถูกอะไรผิด ไม่มีหยวน ไม่มีประนีประนอม
ด้วยลักษณะนิสัยแบบนี้ มีหลายคนคอยเตือนเสมอ ว่าตนทำให้คนอื่นเสียใจมามาก โดยเฉพาะคนใกล้ตัว แต่ตัวเองก็ไม่เห็นว่า มันมีอะไรที่ผิดหรือไม่ดี คนเราพูดกันด้วยเหตุด้วยผลแล้ว ก็น่าจะเพียงพอ เลยอยากรู้ว่า คนอื่นๆมีวิธีจัดการกับการขัดแย้งกันอย่างไร มีวิธีอื่นอีกไหม ในการจัดการเรื่องความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิด
การจุดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมา ดูเหมือนจะเป็นที่สนใจจากสมาชิกในวงอย่างมาก เกิดการแชร์ประสบการณ์ตรงและแลกเปลี่ยนความคิดกันอย่างกว้างขวาง ดูเหมือนจะสรุปแนวทางการจัดการ เมื่อเกิดความขัดแย้งกับคนใกล้ชิด ได้ดังนี้
หนึ่ง เผชิญหน้าอย่างตรงไปตรงมา เคลียร์กันไปเลยว่าใครผิดใครถูก เปิดอกคุย ว่ากันด้วยหลักเหตุผล
สอง ใช้วิธีหลีกเลี่ยงไม่พูดถึงปัญหา เพราะไม่อยากมีปัญหาบาดหมางใจ ทำเนียนข้ามไปเรื่องอื่นเลย เดี๋ยวก็ดีกันเอง
สาม ใช้วิธีเงียบ ไม่สื่อสาร อาจไม่พอใจหรือเคืองๆอยู่บ้าง แต่ก็อดทน เก็บไว้ ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงจริงๆ ก็ช่างมันเถอะ
.........................
ทั้งสามวิธี ดูเหมือนจะเป็นวิธีที่เราใช้กันอยู่โดยทั่วไป ซึ่งเราก็มักจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ กับผลกระทบที่ตามมา เมื่อลองให้แต่ละคนแชร์ประสบการณ์ ว่าพอใช้วิธีที่ตัวเองถนัด ในสามวิธีนี้แล้วเกิดอะไรตามมาบ้าง
วิธีแรก เมื่อเราเปิดอกเคลียร์กันด้วยเหตุผล มักจะเกิดการโต้เถียงกัน สุดท้ายหากเหตุผลเราแน่นกว่า เราเป็นฝ่ายถูก เค้าก็ต้องยอมรับ แต่ทุกครั้งพบว่า บรรยากาศระหว่างนั้นจะอึดอัดตึงเครียด และความสัมพันธ์หลังจากนั้นจะแย่ลงเสมอ ต่างคนแยกจากกันด้วยความรู้สึกไม่ดี ทำให้บางคนออกห่างเราไป ไม่มาปรึกษาเราอีก หรือไม่สนิทกันเหมือนเดิม
แต่บางครั้งก็จะมีปัญหาว่า เราอยากจะเคลียร์ปัญหาเรื่องนี้ แต่เพื่อนกลับหลบลี้หนีหน้า หรือบ่ายเบี่ยงไปเรื่องอื่น หรือทำเฉยชาไม่สนใจ มันก็ยิ่งทำให้เราโมโห และไม่เข้าใจว่า ทำไมไม่คุยกันให้จบๆไป
วิธีที่สอง เมื่อไม่อยากเผชิญหน้า เราทำเนียนเปลี่ยนเรื่องไป แต่เมื่อปัญหายังไม่ถูกแก้ไข แล้วเกิดประเด็นปัญหาเดิมซ้ำขึ้นมาอีกครั้ง และอีกครั้ง ทำให้ในที่สุดเราก็ทนไม่ไหว ระเบิดออกมา เพื่อนก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมเราถึงไม่พอใจได้ขนาดนี้ ก่อนนี้ก็ไม่เห็นจะเดือดร้อนอะไรนี่นา
แล้วเพื่อนก็จะใช้วิธีเดิมย้อนกลับ นั่นคือ ทำเปลี่ยนเรื่องไป หาเรื่องอื่นมาเอาใจ พยายามทำอะไรก็ได้ให้ลืมๆมันไป ทิ้งปัญหาไว้ให้อยู่ในที่ๆเดิม รอวันที่จะปะทุขึ้นมาใหม่...
วิธีที่สาม เมื่อใช้วิธีอดทน และให้อภัย ช่วงแรกๆก็พอทนไปได้ นานๆไปเรากลับรู้สึกเครียด อึดอัด เก็บกด มากเข้าๆ แล้ววันหนึ่งมันก็ปะทุ ปรี๊ดแตกทะลุปรอทขึ้นมา เพื่อนก็จะตกใจ งง ไม่เข้าใจ แล้วก็ถามว่า ทำไมเพิ่งจะมาบอกว่าเราไม่ชอบเรื่องนี้ เราก็จะบอกอย่างเหลืออดว่า ไม่ชอบมาตั้งนานแล้ว แต่คิดว่าจะเธอน่าจะสังเกตได้บ้าง เรื่องแค่นี้น่าจะรู้ได้เอง น่าจะปรับปรุงตัวเองได้ เรื่องง่ายๆแค่นี้น่าจะเข้าใจ เรื่องเล็กๆ ไม่น่าให้มันเป็นเรื่องเลย
แต่เราหารู้ไม่ว่า ก็เพราะเราเองนั่นแหละ ที่เก็บเรื่องเล็กๆไว้ จนมันบานปลายเป็นเรื่องใหญ่โตได้ แล้วพอความสัมพันธ์มันร้าวไปแล้ว ก็ยากที่จะกลับมาเหมือนเดิมได้ เราเองก็เป็นพวกที่ทำใจไม่ได้ง่ายๆซะด้วยสิ....
........................
สรุปแล้ว ทั้งสามวิธี ไม่น่าจะใช่วิธีที่ดีในการจัดการเรื่องความขัดแย้ง หรือดูแลความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม ในชีวิตที่ผ่านมาของแต่ละคนนั้น เราก็ใช้วิธีทั้งสามนี่แหละ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา กลับไปกลับมา แล้วก็สงสัยว่า ทำไมความสัมพันธ์ไม่เวิร์ค ตรงก็แล้ว หยวนก็แล้ว ไม่สนใจก็แล้ว แต่ทำไม ปัญหาไม่เคยหมดไปเสียที จะทำยังไงดี มีวิธีอื่นๆอีกไหม
มาถึงตอนนี้ ก็เริ่มมาระดมความคิดกันใหม่ ว่าจะหาทางออกกับปัญหาเรื่องนี้อย่างไร สมาชิกแต่ละคน ค่อยๆลำเลียงภาพเหตุการณ์ในอดีต ที่รู้สึกว่า ทำแล้วสามารถสานสัมพันธ์กลับมาได้อย่างดี
ผมนั่งฟังอย่างตื่นเต้น คอยจดยิกๆ เหมือนจะได้ค้นพบสูตรลับอะไรบางอย่าง จากเรื่องราวประสบการณ์ของเพื่อนๆในครั้งนี้เอง
แล้วผมก็ได้ข้อคิดเห็นที่น่าสนใจ เป็นเหมือนแนวทางที่ทำให้เราสามารถจัดการกับความขัดแย้งในความสัมพันธ์ได้อย่างน่าทึ่ง โดยลองประมวลสรุปออกมาเป็นกระบวนการ 7 ขั้นตอน ซึ่งจะขอกล่าวถึงอย่างละเอียดในตอนต่อไป
....................
คอร์สอบรม "Dialogue ศาสตร์แห่งการหันหน้าเข้าหากัน" ผมจัดเป็นประจำทุกเดือน
อ่านรายละเอียดหลักสูตรที่ http://www.learninghub.in.th/events/dialogue
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น